ตั้งแต่ผมจำความได้ ตอนผมอยู่ในวัยเด็กฉันจะติดพ่อมากกว่าแม่ พ่อไปไหนผมจะร้องตามตลอด ทุกเย็นผมและพ่อจะนั่งรถเล่นจนทำให้ผมเกิดความสนิทสนมกับพ่อมาก แต่เมื่อโตขึ้นมา เนื่องด้วยผมต้องไปเรียนโรงเรียนใจตัวจังหวัดซึ่งต้องย้ายไปอยู่หอพัก ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับพ่อเหมือนเคยแล้ว ไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์ ไม่ค่อยได้นั่งพูดคุยปรึกษาเหมือนก่อน นั่นเพราะฉันเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและเมื่อมีปัญหาอะไรก็เลือกที่จะปรึกษาแม่หรือเพื่อนมากกว่าแทนที่จะเป็นพ่อที่สนิทมาตั้งแต่วันเด็ก
แต่ผมก็ยังรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วง ความปรารถนาดี ความคิดถึงจากพ่อถึงจะมีระยะห่างกันแล้วก้ตาม เมื่อฉันโตขึ้นพ่อก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนคือจะคอยถามเรื่องผมผ่านแม่ มากกว่าที่จะโทรศัพท์มาถามไถ่จากผม พ่อจะเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกถึงความรักเหมือนแต่ก่อน แต่จะคอยเป็นกำลังใจ คอยห่วงผมห่างๆจนบางทัผมแอบรู้สึกน้อยใจคิดว่าพ่อไม่รักฉัน แต่นั่นมันเป็นความคิดเพียงชั่วขณะ เพราะพ่อก็ยังทำกำข้าวที่ฉันชอบ ชอบพาครอบครัวไปเที่ยวในที่ๆลูกๆอยากไป ชอบที่จะให้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านแล้วร่วมกันทำกิจกรรมกัน
ตอนนี้ผมก็ยิ่งห่างจากครอบครัวจากพ่อมากขึ้นเพราะขึ้นมาศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมซึ่งไกลจากบ้านถึง700กิโลเมตร แต่ผมก็ยังคิดถึงพ่อ คิดถึงกำข้าวที่พ่อทำ คิดถึงสถานที่ๆครอบครัวของฉันไปเที่ยวพร้อมหน้ากัน คิดถึงบ้านที่อบอุ่นและการเอาใจใส่ของพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีมาก ฉันยอมรับว่าฉันเองก็เป็นคนขี้อายไม่กล้าแม้เข้าไปกราบพ่อ ไม่กล้าบอกรักบอกถึงความรู้สึกเป็นห่วงพ่อเหมือนที่พ่อเองก็ไม่กล้าแสดงกับฉัน แต่วันนี้ฉันจะขอบอกความรู้สึกทั้งหมดให้พ่อและเป็นตัวแทนลูกๆอีกหลายๆคนที่ไม่กล้าบอกว่า " ผมรักพ่อมาก ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยช่วยคุ้มครองพ่อ ขอให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนและอยู่เป็นที่รักของลูกและครอบครัวอย่างนี้ตลอดไป แล้วลูกคนนี้จะทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จอย่างที่พ่อหวังไว้และลูกจะกลับไปดูแลพ่อ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น